ร.10 : ในหลวงทรงเป็นประธานจุดเทียน 5 ธันวา นำพสกนิกรรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ร.9

ในหลวงทรงเป็นประธานจุดเทียน 5 ธันวา ขอพระบารมี ร.9 คุ้มครอง

ที่มาของภาพ, Pool

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2563 นำคนไทยน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้ทรงพระราชทานหลักการดำเนินชีวิตและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจให้ชาวไทยได้มีชาติบ้านเมืองเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นจุดหมายร่วมกันในอันที่จะรักษาสิ่งที่ดีงามของชาติไว้

ท้องสนามหลวงเต็มไปด้วยพสกนิกรสวมเสื้อสีเหลืองที่มาเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีที่เสด็จเป็นองค์ประธานจุดเทียนมหามงคลเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองพระองค์เสด็จเป็นองค์ประธาน

วันพ่อแห่งชาติ

ที่มาของภาพ, Reuters

หมายกำหนดการที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาวานนี้ (4 ธ.ค.) ระบุว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประเทศชาติ และประชาชนมาตลอดรัชกาล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร"

พระราชพิธีเริ่มขึ้นในเวลา 17.00 น. เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมายังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หลังจากเสร็จสิ้นพิธีสงฆ์ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในหลวงและสมเด็จพระราชินีเสด็จพระราชดำเนินไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง

ในหลวงทรงเป็นประธานจุดเทียน 5 ธันวา ขอพระบารมี ร.9 คุ้มครอง

ที่มาของภาพ, EPA

เวลาประมาณ 20.00 น. ซึ่งล่าช้ากว่าหมายกำหนดการประมาณ 1 ชั่วโมง ในหลวงและพระราชินีเสด็จฯ มาถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวง พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดีฯ, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ท่ามกลางเสียง "ทรงพระเจริญ" ที่พสกนิกรร่วมกันเปล่งวาจาดังอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และทรงเป็นประธานจุดเทียมมหามงคลในเวลาประมาณ 20.20 น. เป็นเวลา 89 วินาที ตามพระชนมายุของในหลวงรัชกาลที่ 9

พระมหากรุณาธิคุณ "ตลอด 70 ปีแห่งรัชสมัย"

ในหลวงทรงเป็นประธานจุดเทียน 5 ธันวา ขอพระบารมี ร.9 คุ้มครอง

ที่มาของภาพ, Pool

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ความว่า

"ข้าพเจ้าและพระราชินีมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมในพิธีจุดเทียนมหามงคลเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ทั้งได้มาอยู่ในท่ามกลางประชาชนทุกหมู่เหล่าในวันนี้

"พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้ทรงพระราชอุตสาหะปฏิบัติพระราชกรณีกิจนานับประการเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนมาตลอด 70 ปีแห่งรัชสมัย ดังเป็นที่ประจักษ์ว่าได้ทรงวางรากฐานการพัฒนาประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ให้ดำเนินก้าวหน้าไปอย่างมั่นคง ยั่งยืน ส่งเสริมพัฒนาการศึกษา การแพทย์ และการสาธารณสุข ตลอดจนการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งได้พระราชทานหลักการดำเนินชีวิตและประพฤติตนปฏิบัติงานไว้ คือหลักเศรษฐกิจพอเพียง ยึดมั่นในทางสายกลาง กระทำการทุกอย่างให้พอเหมาะพอดี โดยอาศัยความมีเหตุผลเป็นเครื่องพิจารณา อาศัยวิชาความรู้เป็นเครื่องมือปฏิบัติ และอาศัยคุณธรรมความสุจริตเป็นเครื่องกำกับ ประคับประคอง อันจะทำให้ทุกคนไม่ว่าจะมีฐานะความเป็นอยู่อย่างไร ประกอบอาชีพการงานใด ย่อมมีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง สามารถพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้น เจริญขึ้นและพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของโลกได้ ประเทศไทยจึงดำรงอยู่ด้วยความเข้มแข็ง ให้ชาวไทยตลอดจนผู้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารได้มีชาติบ้านเมืองเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นจุดหมายร่วมกัน ในอันที่จะรักษาสิ่งที่ดีงามของชาติไว้ พร้อมทั้งปฏิบัติสร้างสรรค์ความดีความเจริญ เพื่อความร่มเย็นเป็นปกติสุข ความมั่นคงเป็นปึกแผ่นและความเจริญของประเทศ ประชาชนชาวไทยจึงเคารพเทิดทูนพระองค์ในฐานะพ่อแห่งแผ่นดิน และถือเอาวันที่ 5 ธ.ค. วันคล้ายวันพระราชสมภพนั้นเป็นวันพ่อแห่งชาติและวันชาติไทย ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้เสมอมา

วันพ่อแห่งชาติ

ที่มาของภาพ, Wasawat Lukharang/BBC Thai

"ขอพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรจงคุ้มครองรักษาประเทศชาติและประชาชนชาวไทยให้มีความพัฒนาผาสุกตลอดไป"

หลังมีพระราชดำรัส ในหลวงทรง ทรงเป็นประธานจุดเทียนมหามงคล พสกนิกรที่ท้องสนามหลวงต่างจุดเทียนและร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน หลังจากนั้นได้มีการแสดงโดรนประกอบดนตรี เป็นภาพแผนที่ประเทศไทยและภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 โบกพระหัตถ์และทรงดนตรี เรียกเสียงฮือฮาและความประทับใจให้ประชาชนในท้องสนามหลวงอย่างมาก บางคนถึงกับน้ำตาซึมเมื่อเห็นภาพลายเส้นในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่บนฟ้า

จากนั้นพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทอดพระเนตรการแสดง 3 ชุด และเสด็จพระราชดำเนินกลับในเวลา 21.00 น.

"ไม่มีประเทศไหนเหมือนอย่างนี้อีกแล้ว"

ประชาชนจำนวนมากเดินทางมาถึงบริเวณท้องสนามหลวงตั้งแต่ช่วงบ่าย—หลายชั่วโมงก่อนพิธีการจะเริ่มต้นขึ้น แม้จะต้องเข้าแถวยาวเหยียดเบียดเสียดกันผ่านจุดคัดกรอง ผ่านจุดตรวจโลหะและวัดอุณหภูมิ แต่ทุกคนก็มุ่งมั่นที่จะเข้าไปด้านในสนามหลวง เพื่อร่วมพิธีประวัติศาสตร์และหวังว่าจะได้ใกล้ชิดในหลวง พระราชินีและพระบรมวงศานุวงศ์

วันพ่อแห่งชาติ

ที่มาของภาพ, Reuters

พสกนิกรที่มาร่วมพิธีวันนี้ มีทั้งที่เดินทางมาเป็นกลุ่มและมาเพียงลำพัง รถบัสคันใหญ่บรรทุกประชาชนสวมเสื้อสีเหลืองทั้งจากต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯ มาส่งที่มณฑลพิธี บางคนมาเป็นครอบครัว พ่อแม่คู่หนึ่งพาทารกน้อยมาในรถเข็นเด็ก ใกล้ ๆ กันเป็นคุณยายวัย 80 ที่ไม่ย่อท้อกับการต่อแถวและผู้คนมากมายที่เบียดเสียดกันหน้าจุดคัดกรองจนแทบไม่มีอากาศหายใจ ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อที่สกรีนคำว่า "อาชีวะของพระราชา" มานั่งรอบนสนามหญ้าตั้งแต่บ่ายแก่ๆ

"ไม่มีประเทศไหนเหมือนอย่างนี้อีกแล้ว" หญิงสาวคนหนึ่งรำพึงขึ้นมาดัง ๆ ขณะที่เธอเดินต่อแถวผ่านจุดคัดกรอง

ที่คาดผม "เรารักในหลวง" ผ้าพันคอ "ประชาชนของพระราชา" หน้ากากอนามัยที่พิมพ์คำว่า "รักประเทศไทย" เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับที่ประชาชนสวมใส่มาในวันนี้ หลายคนถือธงชาติไทยและธงตราสัญลักษณ์รัชกาลที่ 10 พระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 รัชกาลที่ 10 และพระราชินี ที่ได้รับแจกหรือนำมาเอง

วันพ่อแห่งชาติ

ที่มาของภาพ, Wasawat Lukharang/BBC Thai

เมื่อผ่านจุดคัดกรองมาแล้ว ประชาชนพากันจับจองที่นั่งบนสนามหญ้าใกล้กับเวทีซึ่งตั้งอยู่ฝั่งบรมมหาราชวัง ลมหนาวที่พัดโชยมา แผ่นพลาสติกรองนั่ง อาหารหลากหลายจากโรงครัวพระราชทานที่ตั้งอยู่รายรอบ น้ำดื่ม ผ้าเย็น ฯลฯ ที่เจ้าหน้าที่เดินแจก ทำให้ประชาชนที่มาร่วมพิธีและรอรับเสด็จมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด

หญิงวัยกลางคนจาก จ.กาญจนบุรี สนทนากับคนที่นั่งข้าง ๆ ว่าเธอเดินทางมาร่วมกิจกรรมวันพ่อเป็นประจำตั้งแต่สมัยในหลวงรัชกาลที่ 9 หากปีไหนมาไม่ได้ก็จะร่วมจุดเทียนที่บ้าน

ในบรรดาพสกนิกรที่มารับเสด็จมีนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดง และนายฐิติวัฒน์ ธนการุณย์ ชายที่พระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัวเคยตรัสขอบใจและชมว่า "กล้ามาก เก่งมาก" ซึ่งคนที่อยู่รอบข้างก็จดจำเขาได้และต่างแสดงความชื่นชม

จัดระเบียบพสกนิกร-ห้ามเซลฟี่กับในหลวง

วันพ่อแห่งชาติ

ที่มาของภาพ, Wasawat Lukharang/BBC Thai

ก่อนที่ในหลวง พระราชินีและพระบรมวงศานุวงศ์จะเสด็จมาถึง เจ้าหน้าที่จิตอาสาพระราชทาน 904 ได้ให้คำแนะนำประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จฯ โดยย้ำว่าห้ามจับหรือดึงพระบาท ไม่ควรตะโกนเรียก และไม่ควรใช้ถ้อยคำ "ในหลวงสู้ ๆ" แต่ให้ใช้เพียงคำว่า "ทรงพระเจริญ"

"ในหลวงท่านสู้เพื่อประชาชนอยู่แล้วครับ" เจ้าหน้าที่จิตอาสาพระราชทาน 904 กล่าวกับประชาชนผ่านโทรโข่งก่อนจะแนะนำแนวปฏิบัติอื่น ๆ เช่น ขอความร่วมมือ "ห้ามเซลฟี" กับในหลวงและพระราชินีเนื่องจากที่ผ่านมา ภาพออกมาไม่เหมาะสม

"ในหลวงท่านทรงปรับตัวเข้าหาประชาชนแล้ว ประชาชนก็ต้องปรับตัวเข้าหาท่านด้วย" เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าว

สำหรับการจัดระเบียบสื่อมวลชนนั้น หลังจากเกิดกรณีผู้สื่อข่าวต่างประเทศ "ยื่นไมค์สัมภาษณ์ในหลวง" เมื่อวันที่ 1 พ.ย. บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง ขณะที่ในหลวง พระราชินีและพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จเยี่ยมประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จหลังจากเสด็จฯ มาทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เจ้าหน้าที่กรมประชาสัมพันธ์ได้กำชับสื่อมวลชนที่ลงทะเบียนเพื่อรายงานข่าวพิธีในวันนี้ว่า หากปะปนอยู่กับพสกนิกรที่มาเฝ้ารับเสด็จ ขอความร่วมมือ "ไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชนโดยเด็ดขาด"